เล็บขบ Story

By JodonP วันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เล็บแบบนี้เสี่ยงเป็นเล็บขบนะจ๊ะ
      ความทรมานกายของมนุษย์ในกรณีอยู่ในที่ชุมชนนั้น มีหลายชนิด หลายอย่าง แต่นักปราชกิ๊กก๊อก กล่าวไว้ว่ามี 3 อย่าง ได้แก่ 
  1. "รองเท้ากัดเท้า" ท่ามกลางคนหมู่มาก เราคงจะไม่ถอดร้องเท้าของเราออกมาพิจารณาเป็นแน่
  2. "เศษเนื้อติดฟัน" เราคงจะไม่พยายามแคะ แกะ เกา อย่างเอาเป็นเอาตายในที่สาธารณะชนอย่างแน่นอน มันเสียมารยาทสุดๆ และคงมองดูสกปรก น่ารังเกียจเป็นแน่แท้
  3. "ปวดฉี่บนรถเมล์" อะฮ้า อันนี้แน่นอนครับ โดยเฉพาะรถเมล์ประจำทางที่ไม่มีห้องน้ำไว้บริการ แค่คิดก็ทรมาณสุดๆแล้ว  หรือท่านจะกล้าเอาคอมฟอต 500 ออกมาใช้กันละครับ ^^

      แต่วันนี้ผมขอเสนออีก 1 ความทรมาณได้แก่ "เล็บขบ" แหม ใครไม่เคยเป็นไม่รู้หรอกครับว่า มันทรมานแค่ไหน อาจจะสูสีกับ ร้องเท้ากัดเท้านั่นแหละ ซึ่งจะพูดถึงสาเหตุและวิธีแก้ไขครับ

     เล็บขบ เป็นลักษณะของเล็บที่มีลักษณะผิดรูปร่าง โดยมีมุมแหลมที่มุมเล็บไปกดทับหรือหยั่งลงไปในเนื้อข้างเล็บ กลายเป็นความเจ็บตามมา สาเหตุอาจจะเกิดจากการตัดเล็บที่สั้นเกินไป การใส่รองเท้าเบอร์เล็กที่ บีบเท้าแน่นเกินไป ทำให้เล็บไปกดทับเนื้อมุมนิ้วเท้า เกิดความเจ็บปวดได้ และถ้าปล่อยให้มีอาการเรื้อรัง ไม่รักษา จะมีอาการอักเสบ บวม แดง เจ็บปวดมาก อาจจะมีหนองด้วย การป้องกันหลายท่านก็คงทราบแล้ว แต่ถ้าหากท่านเป็นเล็บขบและกำลังหาวิธีรักษา ลองใช้วิธีนี้ดูครับ

  1. ถ้าเล็บยาวให้ตัดเล็บก่อน
  2. ให้ตรวจดูก่อนว่าปลายเล็บที่กดทับบวมแดงและมีหนองหรือไม่ ถ้ามีหนองอย่าพึ่งบีบออก
  3. เช็ดทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอล์ล้างแผลรอบๆ อย่าให้แอลกอฮอล์โดนแผล เพราะจะแสบมาก
  4. ใช้ตะไบอันบางๆยกเล็บส่วนที่ขบขึ้นจากผิวหนังใต้เล็บหรือข้างเล็บ แล้วตัดส่วนแหลมออก
  5. ถ้ามีหนอง ลองบีบเบาๆเพื่อให้หนองออกให้หมด แล้วใส่ยาใส่แผล โพวิดีน (ขวดเหลือง น้ำยาสีน้ำตาล)
  6. รอให้แห้ง
  7. ใช้สำลีชิ้นเล็กๆสอดไว้ระหว่างเนื้อเใต้เล็บกับเล็บที่กดลงไป
  8. ใช้ผ้าพันแผลพันรอบ เบาๆหลวมๆ
  9. ทำแผลทุกครั้งที่ถูกน้ำ  หรืออย่างน้อยวันละครั้ง จนแผลแห้งและหายไปเอง

     *ถ้าปวดแผลมากๆ ก็กินยาแก้ปวดช่วยได้ จำพวก ยาพาราเซลตามอล ถ้าแผลบวมแดงมากๆ อาจจะหายาแก้อักเสบมากินร่วมด้วย ไปร้านยาเภสัธกรนะครับ อย่าซื้อเองโดยไม่มีความรู้ แต่ถ้าอาการหนักแผลลุกลาม ปวดหรืออักเสบมากๆ แนะนำให้ไปพบแพทย์ครับ เพื่อรักษาซึ่งอาจจะต้องผ่าตัดถอดเล็บออกก็เป็นได้ ถ้าใครกลัวหมอก็พยายามดูแล หรือหมั่นสังเกตุเล็บของตนเอง อย่าให้เป็นเล็บขบจนปล่อยให้รุนแรงก็แล้วกันครับ

1 ความคิดเห็น to '' เล็บขบ Story "

ADD COMMENT